
XERF™ คือ อะไร?
XERF™ คือ นวัตกรรมการยกกระชับเครื่องแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (Radiofrequency หรือ RF) แบบ Monopolar RF ที่สามารถส่งพลังงานได้หลายความถี่ในครั้งเดียว โดยปกติแล้ว คลื่นวิทยุจะทำงานโดยการส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นผิวหนังเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ
จุดเด่นของ XERF™ คือการผสานความถี่คลื่นวิทยุสองระดับเข้าด้วยกัน ได้แก่ 6.78 MHz และ 2 MHz การผสมผสานความถี่นี้ไม่ใช่เพียงการเพิ่มจำนวนคลื่น แต่เป็นการยกระดับประสิทธิภาพในการส่งพลังงานอย่างชาญฉลาด เนื่องจากความถี่คลื่นที่แตกต่างกันจะสามารถลงไปกระตุ้นเนื้อเยื่อได้ในระดับความลึกที่ต่างกัน ความถี่ที่สูงกว่าจะเน้นการทำงานในชั้นผิวตื้น ในขณะที่ความถี่ที่ต่ำกว่าจะสามารถลงไปได้ลึกกว่า การทำงานร่วมกันของทั้งสองความถี่นี้จึงช่วยให้ XERF™ สามารถส่งพลังงานความร้อนลงไปได้ในหลากหลายระดับชั้นผิวพร้อมกันได้อย่างแม่นยำตั้งแต่ชั้นผิวตื้น, ชั้นกลาง, ไปจนถึงชั้นผิวที่ลึกที่สุด ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

Structural Skin Tightening
XERF™ ผสานความถี่คลื่นวิทยุสองระดับเข้าด้วยกัน ได้แก่ 6.78 MHz และ 2 MHz เครื่องแรกของโลก

XERF ทำงานอย่างไร?
โปรแกรม XERF ทำงานโดยใช้เทคโนโลยีการยกกระชับผิวแบบ Monopolar RF ที่เป็นนวัตกรรม Dual-Frequency หรือ 2 ระดับความถี่ที่ทำงานร่วมกัน (6.78MHz + 2MHz) เครื่องแรกและเครื่องเดียวของโลก เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง
-
ความถี่สูง: 6.78 MHz จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวที่ตื้น
-
ความถี่ต่ำ: 2 MHz จะส่งพลังงานลงไปได้ลึกกว่า เพื่อกระตุ้นเนื้อเยื่อในชั้นผิวที่ลึกกว่า
เมื่อความถี่ทั้งสองทำงานร่วมกัน จะสามารถส่งพลังงานความร้อนไปยังหลายระดับชั้นผิวได้พร้อมกัน ตั้งแต่ชั้นตื้นไปจนถึงชั้นที่ลึกที่สุด ซึ่งเป็นการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายในอย่างแท้จริง (Structural Skin Tightening)
สามารถปรับระดับความลึกของพลังงาน RF ให้ลงลึกได้ถึงชั้นผิวที่แตกต่างกัน (3 Depth Modes)
-
Shallow Mode: เหมาะสำหรับผิวชั้นตื้น (Upper Dermal Layer) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง
-
Middle Mode: เหมาะสำหรับผิวชั้นกลาง (Upper Fat Layer) ช่วยเรื่องการกระชับและปรับโครงสร้างผิวหนังแท้
-
Deep Mode: เหมาะสำหรับผิวชั้นลึก (Lower Fat Layer) มอบผลลัพธ์ด้านการยกกระชับและปรับโครงสร้างผิวชั้นลึก ฟื้นฟูผิว และลดริ้วรอย (6.78MHz + 2MHz)
มีระบบยังมาพร้อมกับหน้าจอ GUI (Graphical User Interface) ที่ใช้งานง่ายและช่วยให้แพทย์สามารถปรับพลังงานความร้อน RF ได้อย่างแม่นยำถึง 10 ระดับ ให้เหมาะสมกับการแก้ปัญหาผิวของคนไข้และบริเวณที่ต้องการทำการรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
มีเทคโนโลยี Wave Fit Pulse ที่ช่วยปรับพลังงานตามความต้านทานของผิวหนัง และระบบทำความเย็น ICD Cooling Technology ทำให้รู้สึกสบายขณะทำและไม่มีแผลหรือการพักฟื้น
มีหัว Spider Pattern EFFECTOR ดีไซน์พิเศษเฉพาะของนวัตกรรม XERF เพื่อลดการเกิด ‘Edge Effect’ ทำให้บริเวณขอบของหัว EFEECTOR สามารถส่งพลังงานความร้อนได้อย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอทุกบริเวณพื้นผิว
มีเทคโนโลยีตรวจจับอุณหภูมิเรียลไทม์ Real-Time Temperature Monitoring และมีระบบ Automatic Shut Off ทันทีที่อุณหภูมิสูงถึง 43°C

XERF ดีไหม?
สรุปข้อดีหรือจุดเด่นของ XERF ที่ทำให้แตกต่าง คือ
-
เทคโนโลยี Dual-Frequency เป็น Monopolar RF แบบ 2 ความถี่ที่ทำงานร่วมกัน (6.78 MHz + 2 MHz) เครื่องแรกของโลก เพื่อส่งความร้อนเข้าสู่ชั้นไขมันและชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดการกระชับทั้งผิวหนังและชั้นไขมัน
-
ปรับความลึกได้หลายระดับ สามารถส่งพลังงาน RF ได้ตั้งแต่ชั้นผิวหนังบนสุด (Dermal Layer) ไปจนถึงชั้นไขมันที่ลึกกว่า (Fat Layer) เพื่อแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย
-
ผลลัพธ์ครอบคลุม ตอบโจทย์การดูแลผิวแบบ Anti-Aging ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านความกระจ่างใส, ความเรียบเนียน, การกระชับ, และการยกกระชับ
-
การปรับพลังงานที่แม่นยำ มีหน้าจอ GUI ที่ใช้งานง่ายและแพทย์สามารถปรับพลังงาน RF ได้สูงสุดถึง 10 ระดับ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวและบริเวณที่ทำการรักษา
-
เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่ ไม่เจ็บปวด และปลอดภัย ด้วยทคโนโลยี Wave Fit Pulse ที่ช่วยปรับพลังงานตามความต้านทานของผิวหนัง และระบบทำความเย็น ICD Cooling Technology ทำให้รู้สึกสบายขณะทำและไม่มีแผลหรือการพักฟื้น
-
ผู้ป่วยส่วนใหญ่เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในการทำ 1 ครั้ง และมีการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อาจแนะนำให้ทำการรักษาหลายครั้งในบางท่าน ขึ้นอยู่กับระดับของปัญหาและความต้องการของแต่ละท่าน
-
ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นและสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที

XERF ต่างกับ Thermage และ Oligio อย่างไร?
สิ่งที่ทำให้ XERF แตกต่างจาก Thermage และ Oligio คือ
-
XERF เป็นเครื่องแรกและเครื่องเดียวที่มี Dual‑Frequency Monopolar RF (สองความถี่ เช่น 6.78 MHz + 2 MHz) ส่งผลให้สามารถลงลึกหลายชั้นผิวพร้อมกันได้
-
XERF เจ็บน้อยกว่า โดยมีระบบช่วยระบายความร้อน / Cooling system / vibration บางรุ่นช่วยลดความรู้สึกไม่สบายได้ดีขึ้น
-
XERF มีโปรแกรมที่สามารถยกกระชับหลายชั้นผิวพร้อมกัน
XERF ต่างกับ Ulthera อย่างไร?
-
XERF เป็นเทคโนโลยี Monopolar RF (Radio Frequency) แบบ Dual‑Frequency — ใช้สองความถี่ (6.78 MHz + 2 MHz)
-
พลังงานลงได้หลายชั้นผิวพร้อมกัน สามารถปรับระดับความลึกได้ 3 ระดับ (shallow / middle / deep) ตามจุดที่ต้องการยกกระชับหรือฟื้นฟูผิว ได้แก่ ชั้นผิวตื้น ชั้นกลาง ชั้นลึก
-
มีหัวยิงหลายขนาด Spider Pattern EFFECTOR ดีไซน์พิเศษเฉพาะของนวัตกรรม XERF เพื่อลดการเกิด ‘Edge Effect’ ทำให้บริเวณขอบของหัว EFEECTOR สามารถส่งพลังงานความร้อนได้อย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอทุกบริเวณพื้นผิว
-
มีระบบช่วยลดความเจ็บ/ความร้อนบนผิว เช่น ระบบเย็น (ICD Cooling) ระบบ Wave Fit Pulse ที่ช่วยให้ส่งพลังงานแบบสลับ/แบ่งเป็นจังหวะ เพื่อลดความรู้สึกไม่สบายขณะทำ
-
ระยะเวลาเห็นผล: เริ่มเห็นผลบางส่วนหลังทำ แล้วชัดขึ้นใน 2‑4 สัปดาห์หลังทำ
-
อยู่ได้นาน: ประมาณ 1 ปี หรือมากกว่า ขึ้นกับสภาพผิว อายุ การดูแลหลังทำ
-
Ulthera / Ultherapy ใช้ คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่โฟกัส (Focus Ultrasound / Micro-focused Ultrasound, HIFU / MFU‑V)
-
พลังงานถูกยิงลงลึกได้หลายระดับชั้นผิว โดยเฉพาะชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System)
-
มีหัวยิงหลายขนาด (เช่น 1.5 mm / 3.0 mm / 4.5 mm) เพื่อให้เหมาะกับแต่ละบริเวณและระดับความหย่อนคล้อยของผิว
-
พลังงานที่ยิงจะสร้าง “จุดความร้อน” (thermal coagulation points) ที่ช่วยให้เนื้อเยื่อหดตัว และกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ให้ผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวยกขึ้น ดูกระชับขึ้นตามเวลา
-
ระยะเวลาเห็นผล: เริ่มเห็นบางส่วนทันที (แต่ไม่เต็มที่) และเห็นผลชัดขึ้นใน 1‑2 เดือน แล้วดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 2‑3 เดือน
-
อยู่ได้นาน: ประมาณ 1 ปี หรือมากกว่า ขึ้นกับสภาพผิว อายุ การดูแลหลังทำ
XERF ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
-
ยกกระชับผิว:
ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ทำให้ผิวหน้าดูเรียวขึ้น -
ลดเลือนริ้วรอย:
ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้ริ้วรอยต่างๆ ดูจางลง -
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน:
พลังงาน RF จะกระตุ้นเซลล์ผิวให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น -
ยกกระชับรอบดวงตา:
มีหัวทิปขนาดเล็กที่ออกแบบมาสำหรับผิวบอบบาง ทำให้ผิวรอบดวงตา ทั้งใต้ตาและเปลือกตา ตึงกระชับขึ้น และริ้วรอยเล็ก ๆ ดูจางลง -
ปรับปรุงคุณภาพผิว:
ช่วยให้รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียน และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น -
ผลลัพธ์แม่นยำ:
ด้วยการปรับระดับความลึกและพลังงาน ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด
XERF เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับใคร:
-
ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
-
ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวและกระชับขึ้น
-
ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณใบหน้า เหนียง
-
ผู้ที่มีผิวรอบดวงตา ทั้งใต้ตาและเปลือกตา หย่อนคล้อย มีริ้วรอย
-
ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวให้เรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์

XERF พักฟื้นหลังทำนานมั้ย?
ไม่ต้องพักฟื้น - หลังการทำ XERF ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นและสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันที โดยทั่วไปผิวอาจมีรอยแดงเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 2-6 ชั่วโมง
XERF เจ็บมั้ย?
XERF เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวที่ ไม่เจ็บปวด และปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาหรือการฉีดใดๆ เนื่องจากมีเทคโนโลยี Wave Fit Pulse ที่ช่วยปรับพลังงานตามความต้านทานของผิวหนัง และระบบทำความเย็น ICD Cooling Technology ทำให้รู้สึกสบายขณะทำและไม่มีแผลหรือการพักฟื้น
สาเหตุที่ XERF ไม่เจ็บปวด:
-
เทคโนโลยี Wave Fit Pulse:
เทคโนโลยีนี้จะปรับพลังงานที่ส่งลงผิวให้เหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละบุคคลโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างการทำหัตถการได้มาก
-
เทคโนโลยีระบายความร้อน:
มีระบบทำความเย็น ICD Cooling Technology ช่วยให้รู้สึกสบายผิวระหว่างการรักษา -
ไม่ต้องใช้เข็ม:
XERF เป็นการรักษาด้วยพลังงาน ไม่มีการใช้เข็มจึงไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดจากการแทงผิว
-
ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา:
เนื่องจากความรู้สึกไม่สบายจากการทำมีน้อยมาก จึงไม่จำเป็นต้องทายาชา

XERF ต้องทำกี่ครั้ง?
จำนวนครั้งในการทำ XERF ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้วมักเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่ถ้ามีปัญหาผิวมากหรือชั้นไขมันหนา อาจต้องทำ 2-3 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นและคงอยู่ได้นานโดยห่างกันประมาณ 3-6 เดือน
โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือ การตรวจผิวโดยแพทย์ เพื่อรับทราบถึงปัญหาผิว สาเหตุ และขั้นตอนการรักษาก่อนทำเสมอ
ทั้งนี้ จำนวนครั้งและความถี่ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการของคนไข้รวมถึงการนัดหมายกับแพทย์ ในกรณีที่ต้องใช้ยารักษาต่อเนื่องหลังทำ
แนะนำให้มาตามนัด หรือหากยาหมดให้ปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดใช้ยา
การปฏิบัติตัวหลังทำ XERF
-
ทาครีมบำรุงที่แพทย์แนะนำ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้น
-
แต่งหน้าได้เลย หลังทำทันที
-
ล้างหน้าได้ตามปกติ แต่ควรใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนใน 24 ชั่วโมงแรก หลีกเลี่ยงโฟมล้างหน้าที่มีกรดหรือสารผลัดเซลล์ผิวใน 1–2 วันแรก
-
ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน และช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูของคอลลาเจน
-
งดการสครับหน้า/มาสก์ผลัดเซลล์ผิว ผิวอาจระคายเคืองได้ง่ายในช่วงฟื้นตัว
XERF ทำที่ไหนดี?
ทำไมต้องทำโปรแกรม XERF ที่ Kritthada Clinic?
Kritthada Clinic คือ แพทย์ไทยกลุ่มแรก ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมบริษัท Cynosure Lutronic Academy กับโปรแกรม XERF Pioneers Thailand 2025 ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และได้เข้าพบ Dr. Rhee ที่ Heal House Dermatology Clinic เพื่อเรียนรู้เทคนิคการใช้เครื่อง XERF ในการรักษาคนไข้อย่างถูกวิธีและได้ผลลัพธ์อันมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ที่ Kritthada Clinic มีการวัดผลด้วยเครื่องถ่ายภาพแบบ 3D ที่สามารถวัดคุณภาพของผิวได้อย่างแม่นยำ ทั้งเม็ดสีที่ผิดปกติ ความเรียบเนียนของผิว และยังมีหลายเครื่องมือ และหลายเทคโนโลยี ที่คุณหมอคัดสรรมาเพื่อตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาผิวให้กับคนไข้ โดยเน้นการรักษาเฉพาะบุคคล คือ การเลือกใช้เครื่องมือและการตั้งค่าพลังงานเลเซอร์ที่เหมาะสมกับปัญหา เพื่อผลการรักษาที่เรามีความตั้งใจให้คนไข้ได้ผลที่ดีขึ้นจริง ทั้งนี้ผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล คนไข้มีโอกาสได้ทำหลายเครื่องมือที่มีในคลินิก เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ที่สำคัญ ตรวจและทำโดยแพทย์ทุกครั้ง

รีวิวโปรแกรม XERF ยกกระชับผิว





























